Non-Farm Payroll (NFP) คือรายงานการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐอเมริกา ซึ่งจัดทำโดยกรมแรงงานสหรัฐฯ โดยมีสาระสำคัญดังนี้:
- ออกทุกวันศุกร์แรกของเดือน (ยกเว้นกรณีที่ตรงกับวันที่ 1 หรือวันหยุดประจำชาติ จะเลื่อนไปวันศุกร์ของสัปดาห์ที่สอง)
- จัดทำโดยสำนักงานสถิติแรงงาน (Bureau of Labor Statistics - BLS)
- แสดงจำนวนตัวเลขการจ้างงานในช่วงเดือนที่ผ่านมา
- รวบรวมข้อมูลจากการสำรวจครัวเรือนและนำมาวิเคราะห์เป็นกราฟ
รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับรายงาน NFP
รายงาน NFP เป็นข้อมูลทางเศรษฐกิจที่มีความสำคัญมากที่สุดตัวหนึ่งในสหรัฐอเมริกา โดยมีรายละเอียดเพิ่มเติมดังนี้:
- ขอบเขตของข้อมูล:
- ครอบคลุมการจ้างงานในทุกภาคส่วนของเศรษฐกิจ ยกเว้น:
- ภาคเกษตรกรรม
- ลูกจ้างในครัวเรือนส่วนบุคคล
- พนักงานขององค์กรไม่แสวงหากำไร
- ข้าราชการรัฐบาลกลาง
- ครอบคลุมการจ้างงานในทุกภาคส่วนของเศรษฐกิจ ยกเว้น:
- วิธีการเก็บข้อมูล:
- การสำรวจสถานประกอบการ (Establishment Survey): สำรวจนายจ้างกว่า 400,000 แห่งทั่วประเทศ
- การสำรวจครัวเรือน (Household Survey): สัมภาษณ์ประชากรประมาณ 60,000 ครัวเรือน
- ข้อมูลที่รวมอยู่ในรายงาน:
- จำนวนการจ้างงานใหม่ในแต่ละภาคส่วนของเศรษฐกิจ
- ชั่วโมงการทำงานเฉลี่ยต่อสัปดาห์
- รายได้รายชั่วโมงเฉลี่ย
- อัตราการว่างงาน
- อัตราการมีส่วนร่วมในกำลังแรงงาน (Labor Force Participation Rate)
- การปรับปรุงข้อมูล:
- BLS จะทำการปรับปรุงตัวเลขย้อนหลัง 2 เดือน
- นักวิเคราะห์มักให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนแปลงของตัวเลขที่มีการปรับปรุงด้วย
ทำไมข่าว NFP จึงมีความสำคัญ?
NFP เป็นตัวชี้วัดสำคัญของเศรษฐกิจสหรัฐฯ เพราะ:
- สะท้อนการเติบโตทางเศรษฐกิจ: การจ้างงานที่เพิ่มขึ้นนำไปสู่การจับจ่ายใช้สอยที่มากขึ้น ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) เพิ่มสูงขึ้น
- มีผลต่อนโยบายการเงิน: ธนาคารกลางสหรัฐ (Federal Reserve หรือ Fed) ใช้ข้อมูลนี้ประกอบการตัดสินใจปรับอัตราดอกเบี้ย
- การจ้างงานสูง → อาจนำไปสู่การเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเพื่อลดสภาพคล่อง
- การจ้างงานต่ำ → อาจนำไปสู่การลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
- ประกาศพร้อมกับอัตราการว่างงาน: ในวันเดียวกัน BLS จะรายงานอัตราการว่างงาน (Unemployment rate) ซึ่งเป็นข้อมูลที่แยกออกมาต่างหาก
- เป็นตัวชี้วัดเงินเฟ้อด้านค่าจ้าง: ข้อมูลค่าจ้างรายชั่วโมงเฉลี่ยในรายงาน NFP เป็นตัวชี้วัดสำคัญสำหรับแนวโน้มเงินเฟ้อ
- ถ้าค่าจ้างเพิ่มขึ้นเร็วเกินไป อาจนำไปสู่ภาวะเงินเฟ้อที่สูงขึ้น
- ธนาคารกลางอาจต้องดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้นเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ
- เป็นสัญญาณความเชื่อมั่นทางธุรกิจ: ธุรกิจมักจะเพิ่มการจ้างงานเมื่อมองแนวโน้มเศรษฐกิจในอนาคตเป็นบวก
- การจ้างงานเพิ่มขึ้น = ความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจสูง
- การจ้างงานลดลง = ธุรกิจกำลังระมัดระวังหรือกังวลเกี่ยวกับอนาคต
- ผลกระทบต่อตลาดการเงินหลายประเภท:
- ตลาดหุ้น: การจ้างงานสูงอาจส่งผลบวกต่อตลาดหุ้นในระยะสั้น
- ตลาดพันธบัตร: มีผลต่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ
- ตลาดทองคำ: มักเคลื่อนไหวสวนทางกับความแข็งแกร่งของเงินดอลลาร์
ความสัมพันธ์ระหว่างอัตราการว่างงานและ Participation Rate
เพื่อเข้าใจภาพรวมตลาดแรงงาน ต้องพิจารณาควบคู่กันระหว่าง:
- อัตราการว่างงาน: สัดส่วนของคนว่างงานต่อกำลังแรงงานทั้งหมด
- Participation Rate: สัดส่วนของคนที่กำลังมองหางานทำหรืออยู่ในตลาดแรงงาน
ตัวอย่าง: หากมีคน 100 คน และมีคนว่างงาน 5 คน = อัตราการว่างงาน 5% หากจำนวนคนในตลาดแรงงาน (Participation Rate) เพิ่มเป็น 110 คน โดยจำนวนคนว่างงานยังคงเท่าเดิม = อัตราการว่างงานลดลงเหลือ 4.5%
ผลกระทบต่อค่าเงินและการเทรดฟอเร็กซ์
- ผลต่ออัตราดอกเบี้ย:
- NFP สูงขึ้น → Fed อาจเพิ่มอัตราดอกเบี้ย → ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่า
- NFP ลดลง → Fed อาจลดอัตราดอกเบี้ย → ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่า
- ความผันผวนของตลาด:
- ช่วงประกาศข่าว NFP ตลาดมักมีความผันผวนสูงมาก
- ราคาอาจเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและคาดเดายาก
- ผลกระทบต่อคู่เงินหลัก:
- EUR/USD: คู่เงินที่มีสภาพคล่องสูงที่สุดและมักได้รับผลกระทบอย่างมากจากข่าว NFP
- GBP/USD: มักมีความผันผวนสูงในช่วงประกาศข่าว NFP
- USD/JPY: มีแนวโน้มเคลื่อนไหวตามทิศทางของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ
- USD/CHF: เงินฟรังก์สวิสอาจเป็นสกุลเงินปลอดภัย (Safe Haven) ในช่วงตลาดผันผวน
- การตอบสนองของตลาดต่อตัวเลข NFP ที่ประกาศ:
- ตัวเลขสูงกว่าคาดการณ์: มักส่งผลให้ดอลลาร์แข็งค่าในทันที
- ตัวเลขต่ำกว่าคาดการณ์: มักส่งผลให้ดอลลาร์อ่อนค่า
- ตัวเลขตรงตามคาดการณ์: ตลาดอาจให้ความสำคัญกับปัจจัยอื่นๆ เช่น การปรับปรุงข้อมูลย้อนหลัง หรือค่าจ้างรายชั่วโมงเฉลี่ย
- ความสัมพันธ์กับข้อมูลเศรษฐกิจอื่นๆ:
- นักเทรดมักวิเคราะห์ข้อมูล NFP ร่วมกับตัวชี้วัดอื่นๆ เช่น:
- ADP Employment Report: รายงานการจ้างงานภาคเอกชนที่ออกก่อน NFP 2-3 วัน
- ISM Manufacturing และ Non-Manufacturing: ข้อมูลการขยายตัวของภาคการผลิตและบริการ
- Jobless Claims: จำนวนผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
- นักเทรดมักวิเคราะห์ข้อมูล NFP ร่วมกับตัวชี้วัดอื่นๆ เช่น:
กลยุทธ์การเทรดในช่วงประกาศข่าว NFP
นักเทรดมืออาชีพมักใช้กลยุทธ์ต่อไปนี้:
- หลีกเลี่ยงการเทรดช่วงประกาศข่าว เนื่องจากตลาดผันผวนสูง
- วางแผนล่วงหน้า:
- วิเคราะห์และเปิดคำสั่งซื้อขายก่อนข่าวจะออกมา
- กำหนด Stop Loss และ Take Profit ที่เหมาะสม
- พิจารณาเปิดคำสั่งซื้อขายทั้งสองทิศทาง (Straddle Strategy)
- เทรดหลังประกาศแล้ว 5-10 นาที:
- รอให้ตลาดเริ่มมีทิศทางที่ชัดเจน
- สังเกตว่าหลังประกาศ 1-2 ชั่วโมง ราคามักมีแนวโน้มไปในทิศทางเดียวกัน
- ระวังกรณีที่ราคามีการสวิงกลับมาที่จุดเดิม
- กลยุทธ์การเทรดตามข่าว (News Trading):
- ติดตามตัวเลขคาดการณ์ (Forecast): วิเคราะห์ความแตกต่างระหว่างตัวเลขจริงกับคาดการณ์
- ดูปฏิกิริยาของตลาด: แม้ตัวเลขออกมาดี แต่ตลาดอาจไม่ตอบสนองเชิงบวกเสมอไป
- พิจารณา Sentiment ของตลาดโดยรวม: ข่าว NFP ต้องพิจารณาร่วมกับปัจจัยอื่นๆ ด้วย
- การใช้เครื่องมือทางเทคนิคประกอบการตัดสินใจ:
- ใช้ แนวรับแนวต้านสำคัญ เพื่อระบุจุดกลับตัวที่มีนัยสำคัญ
- สังเกต รูปแบบแท่งเทียน (Candlestick Patterns) หลังประกาศข่าว
- พิจารณา ปริมาณการซื้อขาย (Volume) เพื่อยืนยันความแข็งแกร่งของทิศทาง
- การจัดการความเสี่ยง (Risk Management):
- ลดขนาดการเทรด (Position Size) ในช่วงที่ตลาดผันผวนสูง
- กำหนดความเสี่ยงสูงสุดที่ยอมรับได้ต่อการเทรดในช่วงข่าว NFP
- พิจารณาใช้คำสั่ง Trailing Stop เพื่อล็อกกำไรในกรณีที่ตลาดเคลื่อนไหวตามทิศทางที่คาดการณ์
ตัวอย่างการวิเคราะห์ตัวเลข NFP
การวิเคราะห์ตัวเลข NFP ควรพิจารณาปัจจัยต่างๆ ดังนี้:
- เปรียบเทียบกับตัวเลขคาดการณ์:
- ตัวเลขจริง 250,000 ตำแหน่ง vs คาดการณ์ 180,000 ตำแหน่ง = บวกสำหรับดอลลาร์
- ตัวเลขจริง 120,000 ตำแหน่ง vs คาดการณ์ 180,000 ตำแหน่ง = ลบสำหรับดอลลาร์
- การปรับปรุงข้อมูลย้อนหลัง:
- หากมีการปรับเพิ่มตัวเลขเดือนก่อนหน้า = เสริมความแข็งแกร่งให้กับข้อมูลปัจจุบัน
- หากมีการปรับลดตัวเลขเดือนก่อนหน้า = อาจทำให้ข้อมูลปัจจุบันอ่อนแอลง
- ค่าจ้างรายชั่วโมงเฉลี่ย:
- การเพิ่มขึ้นของค่าจ้างมากกว่าคาดการณ์ = แรงกดดันเงินเฟ้อสูงขึ้น = โอกาสที่ Fed จะปรับขึ้นดอกเบี้ย
- อัตราการว่างงาน:
- อัตราการว่างงานลดลง + การจ้างงานเพิ่มขึ้น = ตลาดแรงงานแข็งแกร่ง
- อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นแม้การจ้างงานจะเพิ่มขึ้น = อาจมีคนเข้าสู่ตลาดแรงงานมากขึ้น (Participation Rate สูงขึ้น)
สรุป
ข่าว NFP เป็นตัวชี้วัดเศรษฐกิจสำคัญที่มีผลต่อการตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐ และส่งผลกระทบโดยตรงต่อค่าเงินดอลลาร์และคู่สกุลเงินต่างๆ ในตลาด Forex นักเทรดควรให้ความสำคัญกับรายงานนี้และเข้าใจผลกระทบที่มีต่อตลาด เพื่อวางแผนกลยุทธ์การเทรดที่เหมาะสม
การวิเคราะห์ข่าว NFP ไม่ควรพิจารณาแค่ตัวเลขการจ้างงานเพียงอย่างเดียว แต่ควรดูปัจจัยอื่นๆ ประกอบด้วย เช่น ค่าจ้างรายชั่วโมง อัตราการว่างงาน และ Participation Rate เพื่อให้ได้ภาพรวมที่ชัดเจนของตลาดแรงงานสหรัฐฯ และทิศทางของเศรษฐกิจ สำหรับนักเทรด Forex การเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างข่าว NFP กับการตัดสินใจของธนาคารกลางและผลกระทบต่อค่าเงินจะช่วยให้สามารถวางแผนกลยุทธ์การเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
0 comments:
Post a Comment