Saturday, April 5, 2025

จุดเริ่มต้นของการอ่านราคาแบบแท่งเทียน



เมื่อพูดถึงต้นกำเนิดของการวิเคราะห์ทางเทคนิคในตลาดการเงิน เราต้องย้อนกลับไปที่ญี่ปุ่นในศตวรรษที่ 18 ที่มีชายผู้น่าทึ่งคนหนึ่งชื่อ Munehisa Homma (ค.ศ. 1724-1803) ผู้ได้รับการขนานนามว่าเป็น "บิดา" แห่งตลาดในยุคของเขา

แม้ว่าตำนานเกี่ยวกับ Homma อาจมีทั้งเรื่องจริงและเรื่องเล่า แต่สิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้คือเขาเป็นหนึ่งในนักเทรดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ มีข่าวลือว่าเขาสามารถทำกำไรในตลาดข้าวญี่ปุ่นได้มากถึงหนึ่งหมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ (ในมูลค่าปัจจุบัน) และที่น่าทึ่งยิ่งกว่าคือ เขาสามารถทำกำไรได้ถึง 100 ครั้งติดต่อกัน!

ชีวิตของ Homma และความสำคัญของข้าวในญี่ปุ่น

Homma เกิดในตระกูลพ่อค้าข้าว ในสมัยนั้น ข้าวไม่ใช่แค่อาหารธรรมดาในญี่ปุ่น แต่เป็นสิ่งที่มีความสำคัญทางวัฒนธรรม เศรษฐกิจ และการเมือง

  • ข้าวเป็นสัญลักษณ์ของญี่ปุ่น มีการใช้ในเทศกาลและพิธีกรรมต่างๆ
  • จากข้าวแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์หลากหลาย เช่น สาเก เค้กข้าว แป้งข้าว น้ำส้มสายชูข้าว
  • ฟางข้าวถูกนำไปใช้ทำหมวก เสื้อผ้า เครื่องใช้ และกระดาษคุณภาพสูง
  • ข้าวเป็นสินค้าที่มีค่า และถูกใช้เป็นมาตรฐานในการวัดมูลค่าที่ดินศักดินาของญี่ปุ่น
  • การซื้อขายข้าวเป็นวิถีชีวิตของทั้งเกษตรกรและพ่อค้า

จุดเปลี่ยนสำคัญ: การค้นพบระบบแท่งเทียน

ทุกเช้า Homma จะนั่งในโรงเก็บข้าวของครอบครัว และทำสิ่งที่ไม่มีใครเคยทำมาก่อน - บันทึกการเคลื่อนไหวของราคาข้าว อย่างเป็นระบบ

เขาเริ่มจดบันทึกราคาข้าวบนกระดาษที่ทำจากต้นข้าว โดยวาดรูปแบบที่แสดงราคาเปิด ราคาสูงสุด ราคาต่ำสุด และราคาปิดของแต่ละวัน เมื่อเวลาผ่านไป Homma เริ่มเห็นรูปแบบและสัญญาณที่ซ้ำกันในแถบราคาที่เขาวาด และเริ่มตั้งชื่อให้กับรูปแบบเหล่านั้น

บันทึกเหล่านี้กลายเป็นสมบัติที่มีค่าที่สุดของ Homma มีค่ามากกว่าที่ดินและโกดังของครอบครัว หรือแม้แต่ข้าวที่เก็บในโกดังทั้งหก แผ่นกระดาษเหล่านี้เต็มไปด้วยสัญลักษณ์แปลกๆ ที่ Homma วาดขึ้นอย่างพิถีพิถัน

Homma ใช้เวลาหลายปีในการศึกษา วิเคราะห์ และค้นคว้าบันทึกโบราณ เพื่อทำความเข้าใจกับภาษาลับของตลาด บางครั้งเขารู้สึกหมดหวัง แต่สัญชาตญาณบอกเขาว่า ถ้าเขาสามารถอ่านเพียงส่วนเล็กๆ ของภาษาลึกลับนี้ได้ ส่วนที่เหลือก็จะคลี่คลาย

ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่

เรื่องราวการเทรดที่ยิ่งใหญ่ของ Homma เกิดขึ้นเมื่อเขาสามารถคาดการณ์ได้ว่าจะเกิดภาวะขาดแคลนข้าวในปีนั้น ขณะที่พ่อค้ารายอื่นยังคงรอและไม่ยอมซื้อข้าวจากชาวนาท้องถิ่น

Homma เริ่มซื้อข้าวอย่างเงียบๆ จากเกษตรกรทุกรายในท้องถิ่น พ่อค้ารายอื่นรู้สึกสงสัยและดูหมิ่นเขา แต่ Homma มั่นใจในการวิเคราะห์ของตัวเอง

เมื่อข่าวเรื่องฝนตกหนักที่ทำลายการเก็บเกี่ยวในพื้นที่สำคัญมาถึง พ่อค้ารายอื่นต่างรู้สึกตื่นตระหนก และรีบพยายามซื้อข้าวจากเกษตรกรในท้องถิ่น แต่เป็นการสายเกินไป - ข้าวทั้งหมดถูกขายให้กับ Homma ไปแล้ว

ในเวลาเพียงไม่กี่วัน Homma สามารถเอาชนะกลุ่มพ่อค้าข้าวและก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำของพ่อค้าข้าวในโอซาก้า เขากลายเป็น "เจ้าชายแห่งพ่อค้าข้าว" ในชั่วข้ามคืน

หลังจากครองตลาดข้าวในโอซาก้าแล้ว Homma ยังได้พิชิตตลาดเอโดะ (โตเกียวในปัจจุบัน) ซึ่งมีรายงานว่าเขาทำการซื้อขายที่ทำกำไรติดต่อกันถึง 100 ครั้ง!

ชื่อเสียงของ Homma แพร่กระจายไปทั่วประเทศญี่ปุ่น เขาได้รับการยกย่องว่าเป็น "เทพเจ้าแห่งตลาด" และได้เป็นที่ปรึกษาทางการเงินให้กับรัฐบาล นอกจากนี้ เขายังได้รับการยกระดับให้เป็นซามูไร ซึ่งเป็นเกียรติสูงสุดสำหรับพลเมืองญี่ปุ่นในสมัยนั้น

การค้นพบสำคัญของ Homma: จิตวิทยาตลาด

สิ่งที่ Homma ค้นพบนั้นมีค่ายิ่งกว่าทองคำ: เขาเข้าใจว่า การเคลื่อนไหวของราคาสะท้อนจิตวิทยาของตลาด

ในหนังสือของเขาที่ชื่อว่า "The Fountain of Gold – The Three Monkey Record of Money" (เขียนในปี 1755) Homma อธิบายว่า:

  • ลักษณะทางจิตวิทยาของตลาดมีความสำคัญต่อความสำเร็จในการเทรด
  • อารมณ์ของผู้ค้ามีอิทธิพลสำคัญต่อราคา
  • สิ่งนี้สามารถใช้เพื่อวางตำแหน่งตัวเองกับตลาดได้

Homma เป็นนักเทรดคนแรกที่ตระหนักว่า โดยการติดตามการเคลื่อนไหวของราคาในตลาด เขาสามารถ "เห็น" พฤติกรรมทางจิตวิทยาของผู้เข้าร่วมตลาดคนอื่นๆ และใช้ประโยชน์จากมันได้

ตัวอย่างเช่น หลังจากที่ตลาดวิ่งขึ้นหรือลงขนาดใหญ่ สัญญาณจากแท่งเทียนสามารถบ่งชี้ถึงการเคลื่อนไหวขนาดใหญ่ในทิศทางตรงกันข้ามได้

มรดกของ Homma: แท่งเทียนญี่ปุ่น (Japanese Candlesticks)

แผนภูมิแท่งเทียนที่ Homma คิดค้นขึ้นได้กลายเป็นที่รู้จักในฐานะ "กฎ Sakata" และเป็นพื้นฐานของการวิเคราะห์ทางเทคนิคจนถึงปัจจุบัน

แผนภูมิแท่งเทียนสะท้อนทุกอย่างที่เกี่ยวกับราคา:

  • ราคาเปิด (Open)
  • ราคาสูงสุด (High)
  • ราคาต่ำสุด (Low)
  • ราคาปิด (Close)

ความสัมพันธ์ของราคาเปิดและปิดจะเป็นตัวกำหนดว่าแท่งเทียนนั้น:

  • กลวง (โดยทั่วไปเป็นสีขาวหรือสีเขียว): แสดงถึงราคาปิดสูงกว่าราคาเปิด (ตลาดขึ้น)
  • เต็ม (โดยทั่วไปเป็นสีดำหรือสีแดง): แสดงถึงราคาปิดต่ำกว่าราคาเปิด (ตลาดลง)

Homma ยังตั้งชื่อรูปแบบเฉพาะของแท่งเทียนแต่ละแบบ เช่น:

  • Doji: แท่งเทียนที่ราคาเปิดและปิดเท่ากันหรือใกล้เคียงกันมาก
  • Shooting Star: สัญญาณกลับตัวขาลง
  • Hanging Man: สัญญาณเตือนการกลับตัว และอีกมากมาย

บทเรียนจาก Homma สำหรับนักเทรดปัจจุบัน

แม้เวลาจะผ่านไปกว่า 250 ปี แต่หลักการของ Homma ยังคงใช้ได้ผลในตลาดการเงินปัจจุบัน:

  1. การเทรดตามแนวโน้ม (Trend Trading) ยังคงเป็นวิธีที่ง่ายและมีประสิทธิภาพที่สุด
  2. การวิเคราะห์จิตวิทยาตลาด เป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ
  3. ทุกสิ่งที่คุณจำเป็นต้องรู้ เพื่อหาจุดเข้าเทรดที่มีโอกาสสูง อยู่ในกราฟราคานั่นเอง
  4. ความเรียบง่าย คือความลับของความสำเร็จ - หาก Homma มีชีวิตอยู่ในปัจจุบัน เขาอาจจะแปลกใจที่เห็นนักเทรดพยายามทำให้การเทรดซับซ้อนโดยไม่จำเป็น

สรุป

Munehisa Homma ค้นพบความจริงอันเรียบง่ายเกี่ยวกับตลาดกว่า 250 ปีที่แล้ว: การเคลื่อนไหวของราคาในกราฟสะท้อนทุกอย่างเกี่ยวกับตลาด ทั้งอุปสงค์ อุปทาน และที่สำคัญที่สุดคือ จิตวิทยาของผู้เล่น

จนถึงทุกวันนี้ นักเทรดทั่วโลกยังคงใช้หลักการ Price Action บริสุทธิ์เพื่อเทรดในตลาด เพราะไม่มีวิธีที่ดีกว่าในการเทรด การกลับไปสู่พื้นฐานและเข้าใจบทเรียนของ Homma อาจเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จในการเทรดของคุณ

"ถ้าคุณต้องการดูว่าตลาดกำลังทำอะไร คุณเพียงแค่ต้องดูที่กราฟราคา"

Share:

0 comments:

Post a Comment

BTemplates.com

Search This Blog

Powered by Blogger.

Blog Archive