นักเทรดฟอเร็กซ์ทุกคนรู้ดีว่า ข่าวเศรษฐกิจมีผลกระทบอย่างมากต่อความผันผวนของราคาในตลาด การติดตามปฏิทินเศรษฐกิจจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณเตรียมพร้อมรับมือกับความเคลื่อนไหวของตลาดได้อย่างทันท่วงที
ข่าวเศรษฐกิจคืออะไร?
ข่าวเศรษฐกิจคือรายงานทางการเงินและเศรษฐกิจที่หน่วยงานราชการและเอกชนทั่วโลกเผยแพร่ตามรอบเวลาที่กำหนด รายงานเหล่านี้อาจเป็นข้อมูลในอดีต (เช่น รายงานยอดขายเดือนที่ผ่านมา) ข้อมูลปัจจุบัน หรือการคาดการณ์แนวโน้มในอนาคต
เศรษฐกิจของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีอิทธิพลอย่างมากต่อตลาดการเงินทั่วโลก ดังนั้นข่าวเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จึงมีผลกระทบต่อตลาดฟอเร็กซ์อย่างมีนัยสำคัญ
ข้อดีและข้อเสียของการเทรดในช่วงที่มีข่าว
ข้อดีของการเทรดช่วงที่มีข่าว
- ตลาดมีความผันผวนสูง - กราฟมีการเคลื่อนไหวรุนแรง ทำให้ราคาเปลี่ยนแปลงเป็นจำนวนมาก pip หากเทรดถูกทิศทาง
- มีโอกาสวิเคราะห์ทิศทางได้ - ข่าวบางประเภทสามารถนำมาวิเคราะห์และคาดการณ์ทิศทางตลาดได้
- ทำกำไรได้ในเวลาสั้น - ด้วยความผันผวนสูง ทำให้สามารถทำกำไรได้ในระยะเวลาอันสั้น
ข้อเสียของการเทรดช่วงที่มีข่าว
- เกิด Requote บ่อย - บางโบรกเกอร์อาจมีการ Requote (เปลี่ยนราคาเสนอซื้อขาย) บ่อยในช่วงข่าว
- ขาดทุนได้เร็ว - ด้วยความผันผวนสูง หากเทรดผิดทิศทาง อาจทำให้ขาดทุนอย่างรวดเร็ว
- ความเสี่ยงสูงมาก - การเทรดช่วงข่าวมีความเสี่ยงสูง อาจทำให้ถูกล้างพอร์ตได้ง่าย
10 ข่าวสำคัญที่ส่งผลต่อตลาดฟอเร็กซ์
1. ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP)
GDP เป็นตัวชี้วัดที่ครอบคลุมที่สุดในการแสดงภาพรวมของเศรษฐกิจแต่ละประเทศ เป็นการวัดมูลค่ารวมของสินค้าและบริการทั้งหมดที่ผลิตได้ในประเทศ
ผลกระทบต่อค่าเงิน:
- GDP เป็นบวก - แสดงถึงเศรษฐกิจที่เติบโต มีเงินหมุนเวียนในประเทศมากขึ้น มักทำให้ค่าเงินแข็งค่าขึ้น แต่อาจนำไปสู่อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น
- GDP เป็นลบ - แสดงถึงเศรษฐกิจที่ชะลอตัว เงินหมุนเวียนลดลง เกิดภาวะเงินฝืด ราคาสินค้าอาจลดลง มักทำให้ค่าเงินอ่อนค่าลง
2. รายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตร (Nonfarm Payroll)
ข่าวนี้ประกาศทุกวันศุกร์แรกของเดือน เวลา 19:30 น. ตามเวลาไทย จัดทำโดยกรมสถิติแรงงานสหรัฐฯ แสดงถึงอัตราการจ้างงานของสหรัฐฯ เมื่อเทียบกับเดือนก่อน (ไม่รวมภาคเกษตร)
เหตุผลที่ส่งผลกระทบต่อตลาด:
- เป็นตัวสะท้อนการขยายตัวหรือหดตัวทางเศรษฐกิจผ่านการจ้างงาน
- เมื่อเศรษฐกิจขยายตัว มีการบริโภคสินค้าและบริการมากขึ้น จนถึงจุดที่ต้องเพิ่มการจ้างงานเพื่อรองรับการผลิต
- สะท้อนมุมมองของผู้ประกอบการต่อเศรษฐกิจในอนาคต หากมีความมั่นใจว่าเศรษฐกิจจะเติบโต จะมีการจ้างงานเพิ่ม
- ตัวเลขเป็นบวก (การจ้างงานเพิ่มขึ้น) มักทำให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่า
- ตัวเลขเป็นลบ (การจ้างงานลดลง) มักทำให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่า
3. การประกาศปรับอัตราดอกเบี้ย (Interest Rate Decision)
การปรับอัตราดอกเบี้ยเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่สุดที่ขับเคลื่อนตลาดฟอเร็กซ์ คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ใช้ข้อมูลทางเศรษฐกิจเพื่อตัดสินใจปรับอัตราดอกเบี้ย
ผลกระทบต่อค่าเงิน:
- อัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น - มักทำให้ค่าเงินของประเทศนั้นแข็งค่าขึ้น เนื่องจากดึงดูดเงินลงทุนจากต่างประเทศ
- อัตราดอกเบี้ยลดลง - มักทำให้ค่าเงินอ่อนค่าลง เนื่องจากเงินทุนอาจไหลออกไปยังประเทศที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า
ตัวอย่างเช่น หากอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ลดลง ในขณะที่อัตราดอกเบี้ยไทยไม่เปลี่ยนแปลง จะทำให้มีเงินลงทุนเคลื่อนย้ายเข้าประเทศไทยมากขึ้น ทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น
4. ดัชนีราคาผู้บริโภค (Consumer Price Index - CPI)
CPI เป็นตัวชี้วัดที่ใช้อย่างแพร่หลายในการวัดอัตราเงินเฟ้อ ประกาศประมาณวันที่ 15 ของทุกเดือน แสดงการเปลี่ยนแปลงของราคาสินค้าอุปโภคบริโภคและบริการจากเดือนก่อนหน้า
ผลกระทบต่อค่าเงิน:
- CPI สูงกว่าที่คาด (เงินเฟ้อสูง) - อาจนำไปสู่การขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ ทำให้ค่าเงินแข็งค่าขึ้น
- CPI ต่ำกว่าที่คาด (เงินเฟ้อต่ำ) - อาจนำไปสู่การลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้ค่าเงินอ่อนค่าลง
5. รายงานยอดขายปลีก (Retail Sales)
รายงานยอดขายปลีกวัดการเปลี่ยนแปลงในมูลค่ายอดขายทั้งหมดในระดับการค้าปลีก (ปรับชดเชยอัตราเงินเฟ้อแล้ว) เป็นตัวชี้วัดสำคัญของการใช้จ่ายของผู้บริโภคซึ่งเป็นส่วนใหญ่ของระบบเศรษฐกิจ
ผลกระทบต่อค่าเงิน:
- ยอดขายปลีกสูงกว่าที่คาด - แสดงถึงการบริโภคที่เพิ่มขึ้น เศรษฐกิจเติบโต ทำให้ค่าเงินแข็งค่าขึ้น
- ยอดขายปลีกต่ำกว่าที่คาด - แสดงถึงการบริโภคที่ลดลง เศรษฐกิจชะลอตัว ทำให้ค่าเงินอ่อนค่าลง
6. รายงานการผลิตภาคอุตสาหกรรม (Industrial Production)
รายงานนี้แสดงการเปลี่ยนแปลงในมูลค่าผลผลิตทั้งหมดที่ผลิตโดยผู้ผลิต เหมืองแร่ และบริการสาธารณะ (ปรับชดเชยเงินเฟ้อแล้ว) ประกาศประมาณวันที่ 16 ของทุกเดือน
ผลกระทบต่อค่าเงิน:
- การผลิตสูงกว่าที่คาด - บ่งชี้ถึงเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง มักทำให้ค่าเงินแข็งค่าขึ้น
- การผลิตต่ำกว่าที่คาด - บ่งชี้ถึงเศรษฐกิจที่ชะลอตัว มักทำให้ค่าเงินอ่อนค่าลง
7. ดุลการค้า (Trade Balance)
รายงานดุลการค้าแสดงความแตกต่างระหว่างมูลค่าสินค้าที่ประเทศส่งออกและนำเข้า ประกาศประมาณวันที่ 19 ของทุกเดือนสำหรับข้อมูลสองเดือนก่อนหน้า
ผลกระทบต่อค่าเงิน:
- ดุลการค้าเกินดุล (ส่งออกมากกว่านำเข้า) - มักทำให้ค่าเงินแข็งค่าขึ้น เนื่องจากมีความต้องการซื้อสกุลเงินนั้นเพื่อซื้อสินค้าส่งออก
- ดุลการค้าขาดดุล (นำเข้ามากกว่าส่งออก) - มักทำให้ค่าเงินอ่อนค่าลง
8. ดัชนีราคาผู้ผลิต (Producer Price Index - PPI)
PPI เป็นอีกหนึ่งตัวชี้วัดอัตราเงินเฟ้อ แต่วัดจากมุมมองของผู้ผลิต แสดงการเปลี่ยนแปลงราคาของสินค้าและวัตถุดิบที่ผู้ผลิตจำหน่าย ประกาศในสัปดาห์ที่สองของแต่ละเดือน
ผลกระทบต่อค่าเงิน:
- PPI สูงกว่าที่คาด - อาจบ่งชี้ถึงแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่จะเกิดขึ้นในอนาคต มักทำให้ค่าเงินแข็งค่าขึ้น
- PPI ต่ำกว่าที่คาด - อาจบ่งชี้ถึงแรงกดดันด้านเงินฝืด มักทำให้ค่าเงินอ่อนค่าลง
9. รายงานยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทน (Durable Goods Orders)
รายงานนี้แสดงการเปลี่ยนแปลงในมูลค่าคำสั่งซื้อใหม่สำหรับสินค้าคงทน (สินค้าที่มีอายุการใช้งานมากกว่า 3 ปี) ประกาศวันที่ 26 ของทุกเดือน
เหตุผลที่สำคัญ:
- ธุรกิจและผู้บริโภคมักซื้อสินค้าคงทนเมื่อมีความมั่นใจในเศรษฐกิจ
- เป็นตัวบ่งชี้ถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจและความมั่นใจของผู้บริโภค
ผลกระทบต่อค่าเงิน:
- ยอดคำสั่งซื้อสูงกว่าที่คาด - บ่งชี้ถึงเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง มักทำให้ค่าเงินแข็งค่าขึ้น
- ยอดคำสั่งซื้อต่ำกว่าที่คาด - บ่งชี้ถึงเศรษฐกิจที่ชะลอตัว มักทำให้ค่าเงินอ่อนค่าลง
10. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (Consumer Confidence Index)
ดัชนีนี้แสดงความรู้สึกของผู้บริโภคต่อสถานะของเศรษฐกิจและกำลังซื้อของพวกเขา ประกาศในวันอังคารสุดท้ายของทุกเดือน
ผลกระทบต่อค่าเงิน:
- ความเชื่อมั่นสูงกว่าที่คาด - บ่งชี้ว่าผู้บริโภคมีแนวโน้มที่จะใช้จ่ายมากขึ้น มักทำให้ค่าเงินแข็งค่าขึ้น
- ความเชื่อมั่นต่ำกว่าที่คาด - บ่งชี้ว่าผู้บริโภคอาจระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น มักทำให้ค่าเงินอ่อนค่าลง
สรุป
การติดตามข่าวเศรษฐกิจสำคัญเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้คุณวิเคราะห์ทิศทางของคู่สกุลเงินได้ดีขึ้นก่อนทำการเทรด หากคุณไม่ชอบความผันผวนหรือยังไม่มีประสบการณ์มากพอ การหลีกเลี่ยงการเทรดในช่วงที่มีการประกาศข่าวสำคัญอาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
การเข้าใจว่าแต่ละข่าวมีผลกระทบต่อตลาดอย่างไรจะช่วยให้คุณเป็นนักเทรดที่มีความรู้และสามารถตัดสินใจได้ดีขึ้น ไม่ว่าคุณจะเลือกเทรดในช่วงข่าวหรือหลีกเลี่ยงช่วงเวลาดังกล่าว
0 comments:
Post a Comment