การเทรดฟอเร็กซ์ให้สำเร็จไม่ใช่แค่รู้วิธีทำกำไร แต่ต้องรู้วิธีรักษาเงินทุนด้วย หลายคนสนใจแต่เทคนิคการเข้าออกตลาด แต่ลืมสิ่งสำคัญที่สุด: การดูแลความเสี่ยง
ตัวเลขที่เทรดเดอร์ทุกคนควรรู้
รูปภาพในกราฟแสดงให้เห็นความจริงคือ ยิ่งขาดทุนมาก ยิ่งต้องทำกำไรมากเพื่อกลับมาเท่าทุน
ลองดูตัวเลขจากแผนภูมิ:
- เสีย 5% ต้องได้กำไร 5.3% จึงกลับมาเท่าทุน
- เสีย 10% ต้องได้กำไร 11.1% จึงกลับมาเท่าทุน
- เสีย 20% ต้องได้กำไร 25% จึงกลับมาเท่าทุน
- เสีย 30% ต้องได้กำไร 42.9% จึงกลับมาเท่าทุน
- เสีย 40% ต้องได้กำไร 66.7% จึงกลับมาเท่าทุน
- เสีย 50% ต้องได้กำไร 100% จึงกลับมาเท่าทุน
- เสีย 60% ต้องได้กำไร 150% จึงกลับมาเท่าทุน
- เสีย 90% ต้องได้กำไร 900% จึงกลับมาเท่าทุน
- เสีย 100% = หมดตัว (BROKE)
สังเกตไหมว่าตัวเลขไม่ได้เพิ่มขึ้นเท่าๆ กัน แต่ยิ่งขาดทุนมาก ยิ่งต้องทำกำไรมากขึ้นแบบก้าวกระโดด นี่คือเหตุผลที่มืออาชีพจำกัดการขาดทุนไว้อย่างเข้มงวด
ทำไมมือใหม่มักพบปัญหา?
คนที่เพิ่งเริ่มเทรดมักจะ:
- ลงเงินมากเกินไปต่อครั้ง: เทรดด้วยเงินก้อนใหญ่เกินไปทำให้ขาดทุนหนักได้ง่าย
- ไม่ตั้งจุดตัดขาดทุน: ปล่อยให้ขาดทุนไหลไปเรื่อยๆ โดยหวังว่าราคาจะกลับมา
- รีบเอาคืนเร็วไป: หลังขาดทุน มักรีบเพิ่มความเสี่ยงเพื่อ "เอาคืน" แต่กลับทำให้แย่ลง
วิธีง่ายๆ ในการดูแลเงินทุนของคุณ
- กฎ 1-2%: ไม่เสี่ยงเกิน 1-2% ของเงินทุนในการเทรดแต่ละครั้ง มืออาชีพหลายคนใช้แค่ 1% หรือน้อยกว่า
- ตั้งจุดตัดขาดทุนทุกครั้ง: ตั้งจุดออกไว้ก่อนเข้าเทรดเสมอ ไม่มีข้อยกเว้น
- เทรดเมื่อกำไรสูงกว่าความเสี่ยง: เน้นเทรดที่มีโอกาสได้กำไรมากกว่าความเสี่ยงอย่างน้อย 2 เท่า
- มีวินัย: ทำตามแผนและกฎที่วางไว้อย่างเคร่งครัด
สิ่งที่เราเรียนรู้จากกราฟนี้
- ป้องกันดีกว่าแก้: ป้องกันการขาดทุนใหญ่ตั้งแต่แรกง่ายกว่าการพยายามกู้พอร์ตที่ขาดทุนหนัก
- ทำกำไรทีละนิด ดีกว่าเสียหนัก: กำไรเล็กๆ แต่ทำได้บ่อยๆ ดีกว่าเสี่ยงสูงเพื่อหวังกำไรก้อนใหญ่
- ใจเย็นไว้: การขาดทุนหนักไม่เพียงทำลายพอร์ต แต่ยังทำลายจิตใจ ทำให้คิดไม่ดี ตัดสินใจผิดพลาด
สรุป
การดูแลความเสี่ยงอาจไม่สนุกเท่าการหาวิธีทำกำไร แต่เป็นสิ่งสำคัญที่สุด คนที่ประสบความสำเร็จในการเทรดระยะยาวไม่ใช่คนที่ทำกำไรเยอะที่สุด แต่เป็นคนที่อยู่รอดในตลาดขึ้นลงได้นานๆ
จำง่ายๆ ว่า: ขาดทุน 50% = ต้องทำกำไร 100% ถึงจะกลับมาเท่าทุน นี่คือเหตุผลที่มืออาชีพให้ความสำคัญกับการปกป้องเงินทุนมากกว่าการไล่ล่าหากำไรก้อนใหญ่
0 comments:
Post a Comment