หลายคนที่เทรดฟอเร็กซ์มักสงสัยว่าทำไมการตัดสินใจของตัวเองบางครั้งดูเหมือนผิดพลาดทั้งที่รู้ว่าควรทำอย่างไร คำตอบอาจอยู่ในหนังสือดังของ แดเนียล คาห์เนมัน (Daniel Kahneman) เรื่อง "Thinking, Fast and Slow" (การคิดเร็วและช้า) ที่แบ่งการคิดของเราเป็นสองระบบ
ระบบการคิดที่ส่งผลต่อการเทรด
ระบบ 1: การคิดเร็ว (Fast Thinking)
- ทำงานโดยอัตโนมัติ - ไม่ต้องใช้ความพยายาม
- รวดเร็ว - ตอบสนองแบบทันที
- ใช้ประสบการณ์และความรู้สึก - อาศัยสัญชาตญาณ
- ทำงานตลอดเวลา - ไม่สามารถปิดได้
ในการเทรดฟอเร็กซ์: ระบบ 1 คือการตัดสินใจด้วยอารมณ์ เช่น:
- เห็นราคาวิ่งลงแล้วรีบขายทันทีด้วยความกลัว
- เห็นข่าวดีแล้วรีบซื้อโดยไม่วิเคราะห์ให้ถี่ถ้วน
- การเทรดแก้แค้นเพื่อเอาคืนหลังจากขาดทุน
ระบบ 2: การคิดช้า (Slow Thinking)
- ต้องใช้ความตั้งใจ - ต้องทุ่มเทความพยายาม
- ทำงานช้า - ใช้เวลาวิเคราะห์
- เป็นเหตุเป็นผล - อาศัยข้อมูลและตรรกะ
- ใช้พลังงานสมอง - เหนื่อยล้าได้
ในการเทรดฟอเร็กซ์: ระบบ 2 คือการตัดสินใจด้วยเหตุผล เช่น:
- วิเคราะห์กราฟอย่างละเอียด
- ศึกษาข้อมูลพื้นฐานของตลาดและปัจจัยที่มีผลกระทบ
- วางแผนการเทรดและติดตามตามแผนอย่างมีวินัย
อคติที่มักเกิดขึ้นในการเทรด
แดเนียล คาห์เนมัน ได้อธิบายถึงอคติ (Bias) หลายอย่างที่มักเกิดขึ้นในการตัดสินใจ ในการเทรดฟอเร็กซ์ เราพบอคติเหล่านี้บ่อยครั้ง:
1. อคติการยึดติดกับจุดอ้างอิง (Anchoring Bias)
- ตัวอย่าง: ซื้อเงินดอลลาร์ที่ 35 บาท และไม่ยอมขายแม้ราคาจะลงไปที่ 34 บาท เพราะยึดติดกับราคาที่ซื้อมา
- แก้ไขได้โดย: ประเมินสถานการณ์ปัจจุบัน ไม่ยึดติดกับราคาที่เคยทำรายการ
2. อคติการหลีกเลี่ยงการขาดทุน (Loss Aversion)
- ตัวอย่าง: ไม่กล้าตัดขาดทุนเมื่อราคาเริ่มวิ่งผิดทาง หวังว่าราคาจะกลับมา
- แก้ไขได้โดย: ตั้งจุดตัดขาดทุนและทำตามแผนอย่างเคร่งครัด
3. อคติการมองเห็นแบบแผนที่ไม่มีอยู่จริง (Pattern Recognition Bias)
- ตัวอย่าง: เห็นกราฟขึ้น 3 วันติดต่อกันแล้วคิดว่าวันที่ 4 ต้องขึ้นอีก
- แก้ไขได้โดย: ตรวจสอบข้อมูลทางสถิติ ไม่เชื่อแนวโน้มชั่วคราวว่าจะเป็นกฎตายตัว
4. อคติการยืนยันความเชื่อเดิม (Confirmation Bias)
- ตัวอย่าง: มองเห็นแต่ข่าวดีที่สนับสนุนว่าค่าเงินจะแข็งค่าขึ้น ทั้งที่มีสัญญาณเตือนอื่นๆ
- แก้ไขได้โดย: หาข้อมูลที่ขัดแย้งกับความเชื่อของตัวเองเสมอ
วิธีปรับสมดุลการคิดในการเทรดฟอเร็กซ์
1. สร้างแผนการเทรดอย่างเป็นระบบ
- เขียนแผนการเทรดไว้อย่างชัดเจน (ใช้ระบบ 2)
- กำหนดกฎเข้า-ออกตลาด ขนาดการลงทุน และการจัดการความเสี่ยง
- ทำตามแผนที่วางไว้ ไม่ปล่อยให้อารมณ์ชั่ววูบมาเปลี่ยนแปลง
2. ใช้บันทึกการเทรด (Trading Journal)
- จดบันทึกทุกการเทรด ทั้งเหตุผลที่เข้า เป้าหมาย และความรู้สึก
- ทบทวนบันทึกเป็นประจำ เพื่อเห็นแบบแผนความผิดพลาด
- ใช้ข้อมูลจริงมาปรับปรุงกลยุทธ์ ไม่ใช่ความรู้สึก
3. สร้างรายการตรวจสอบ (Checklist)
- ทำรายการตรวจสอบก่อนเข้าเทรดทุกครั้ง
- บังคับให้ตัวเองใช้ระบบ 2 ในการคิด ไม่ด่วนสรุป
- ตรวจสอบว่าการเทรดนี้เข้าเงื่อนไขที่กำหนดไว้จริงๆ
4. ฝึกสติและการตระหนักรู้
- สังเกตอารมณ์ตัวเองขณะเทรด โดยเฉพาะความโลภและความกลัว
- เมื่อรู้สึกตื่นเต้นหรือกังวลมากเกินไป ให้หยุดและทบทวนสถานการณ์
- ฝึกการหายใจและเทคนิคผ่อนคลายเมื่อรู้สึกว่าอารมณ์กำลังมีอิทธิพล
5. ปรับโครงสร้างสภาพแวดล้อมการเทรด
- กำจัดสิ่งรบกวนขณะวิเคราะห์ตลาด
- ปิดการแจ้งเตือนที่ไม่จำเป็นขณะเทรด
- สร้างสภาพแวดล้อมที่ช่วยให้คิดได้อย่างเป็นระบบ
บทเรียนสำคัญ: สมดุลระหว่างสองระบบ
การเทรดฟอเร็กซ์ที่ประสบความสำเร็จไม่ได้หมายถึงการใช้แค่ระบบ 2 (การคิดช้า) เท่านั้น แต่รู้จักใช้ทั้งสองระบบให้เหมาะสม:
ใช้ระบบ 1 (คิดเร็ว) เมื่อ:
- ต้องรับมือกับเหตุการณ์ฉุกเฉินในตลาด
- ใช้ประสบการณ์จากการฝึกฝนมาอย่างมาก (เทรดเดอร์มืออาชีพ)
- ตรวจจับสัญญาณตลาดที่คุ้นเคย
ใช้ระบบ 2 (คิดช้า) เมื่อ:
- วางแผนกลยุทธ์การเทรด
- วิเคราะห์ตลาดก่อนเข้าเทรด
- ตรวจสอบผลการเทรดและปรับปรุงระบบ
สรุป
เข้าใจว่าสมองของเรามีระบบการคิดสองแบบที่มีผลต่อการตัดสินใจในการเทรดฟอเร็กซ์เป็นก้าวแรกที่สำคัญสู่ความสำเร็จ หลายครั้งที่เราพลาดไม่ใช่เพราะไม่รู้ แต่เพราะสมองเรามีแนวโน้มจะใช้ระบบ 1 (คิดเร็ว) มากเกินไป
การเทรดฟอเร็กซ์อย่างมีประสิทธิภาพต้องอาศัยการสร้างสมดุลระหว่างสัญชาตญาณและการวิเคราะห์อย่างเป็นระบบ เมื่อใดที่คุณรู้สึกว่ากำลังจะเทรดด้วยอารมณ์ นั่นคือเวลาที่ต้องหยุด และเปิดใช้ระบบการคิดช้าให้มากขึ้น
การเรียนรู้ที่จะควบคุมระบบการคิดทั้งสองนี้จะช่วยให้คุณไม่เพียงเป็นเทรดเดอร์ที่ดีขึ้น แต่ยังช่วยให้คุณตัดสินใจในชีวิตประจำวันได้ดีขึ้นด้วย
0 comments:
Post a Comment